ค่าอิมพีแดนซ์ลำดับศูนย์เป็นพารามิเตอร์ที่สำคัญในการวิเคราะห์ระบบไฟฟ้า และมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อวิเคราะห์ความผิดพลาดที่ไม่สมดุล หม้อแปลงเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้า และค่าอิมพีแดนซ์ลำดับศูนย์มีผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า ค่ากระแสและแรงดันไฟลำดับศูนย์เป็นปริมาณที่สำคัญในการป้องกันรีเลย์ของสายไฟและอุปกรณ์สถานีย่อยอย่างเหมาะสม โดยทั่วไป ปริมาณลำดับศูนย์ที่มีความสำคัญอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อระบบไฟฟ้าไม่สมดุลเนื่องจากโหลดไฟฟ้าที่ไม่สมมาตรหรือเพราะความผิดพลาด
หม้อแปลงได้รับการออกแบบมาเพื่อถ่ายโอนพลังงานจากแรงดันไฟฟ้าหนึ่งไปยังอีกระดับแรงดันไฟฟ้าหนึ่ง ในสภาวะที่ไม่สมดุล กระแสไฟฟ้าซีเควนซ์ศูนย์จะถูกเหนี่ยวนำในระบบ และกระแสไฟฟ้าเหล่านี้สามารถหมุนเวียนภายในหม้อแปลงได้ อิมพีแดนซ์ซีเควนซ์ศูนย์ของหม้อแปลงจะกำหนดขนาดของกระแสไฟฟ้าเหล่านี้และแรงดันไฟฟ้าตกที่เกิดขึ้นทั่วหม้อแปลง
หากค่าอิมพีแดนซ์ซีเควนซ์ศูนย์ของหม้อแปลงต่ำ การไหลของกระแสไฟฟ้าซีเควนซ์ศูนย์จะสูง ส่งผลให้แรงดันไฟฟ้าตกคร่อมหม้อแปลงมาก ในทางกลับกัน หากค่าอิมพีแดนซ์ซีเควนซ์ศูนย์สูง การไหลของกระแสไฟฟ้าซีเควนซ์ศูนย์จะถูกจำกัด ทำให้แรงดันไฟฟ้าตกคร่อมหม้อแปลงลดลง นอกจากนี้ ค่าอิมพีแดนซ์ซีเควนซ์ศูนย์ที่ต่ำอาจทำให้แกนหม้อแปลงอิ่มตัว ซึ่งอาจทำให้หม้อแปลงได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
สำหรับระบบไฟฟ้าสามเฟส กระแสไฟฟ้าซีเควนซ์ศูนย์จะไหลเมื่อเฟสหนึ่งหรือสองเฟสเกิดความผิดพลาดกับกราวด์ การทำงานที่ถูกต้องของรีเลย์กราวด์ต้องใช้กระแสไฟฟ้ารีเลย์ซีเควนซ์ศูนย์ที่เหมาะสมและ (สำหรับรีเลย์แบบมีทิศทาง) ปริมาณโพลาไรซ์ในระหว่างที่เกิดความผิดพลาด หม้อแปลงไฟฟ้าแบบเดลต้า-ไวที่มีนิวตรัล-ไวที่ต่อลงดินเป็นแหล่งหลักของการไหลของกระแสไฟฟ้าซีเควนซ์ศูนย์ภายในระบบไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าของหม้อแปลงไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าซีเควนซ์ศูนย์สามารถไหลผ่านหม้อแปลงไฟฟ้า จากหม้อแปลงไฟฟ้า หรือทั้งสองอย่าง
ในการอธิบายการทดสอบอิมพีแดนซ์ลำดับศูนย์บนหม้อแปลง จะใช้การเชื่อมต่อแบบวาย (บางครั้งเรียกว่าการกำหนดค่าแบบดาว) ที่ต่อลงดิน หม้อแปลงแบบซิกแซกจะได้รับการทดสอบอิมพีแดนซ์ลำดับศูนย์โดยใช้การเชื่อมต่อทดสอบแบบเดียวกัน การวัดค่าศูนย์ลำดับอิมพีแดนซ์ของหม้อแปลงนั้นค่อนข้างง่ายการเปลี่ยนแปลงของค่าอิมพีแดนซ์ต้องใช้สูตรในการคำนวณค่าอิมพีแดนซ์สำหรับหม้อแปลงแบบซิกแซกหรือแบบต่อลงดินอื่นๆ